หน่วยงานเจ้าของบริการ:
กรมบัญชีกลาง
คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านผู้สูงอายุ (โครงการฯ) ตามที่นายกรัฐมนตรีได้แถลงนโยบาย
ของคณะรัฐมนตรีต่อรัฐสภาเมื่อวันที่ 12 กันยายน 2567 โดยมีนโยบายสำคัญที่จะเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างความเชื่อมั่นและ
กระตุ้นให้เกิดการจับจ่ายใช้สอย ควบคู่กับการบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายและเพิ่มโอกาสในการประกอบอาชีพ โดยให้ความสำคัญ
กับกลุ่มเปราะบางเป็นลำดับแรก
การดำเนินโครงการฯ เป็นการขยายผลกลุ่มเป้าหมายเพิ่มเติมจากโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการ
แห่งรัฐและคนพิการ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการจับจ่ายใช้สอย ควบคู่กับการบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายและเพิ่มโอกาสในการประกอบ
อาชีพให้แก่กลุ่มเปราะบางให้ครอบคลุมกว้างขวางมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ผู้สูงอายุจะสามารถใช้จ่ายซื้อสินค้าและบริการที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตตามความจำเป็นของตน ทั้งยังส่งผลต่อการสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจได้เพิ่มเติม และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว นอกจากนี้ การดำเนินโครงการฯ จะช่วยส่งเสริมความอยู่ดีมีสุข (Well-being) ของผู้สูงอายุที่ดีขึ้นอย่างรอบด้าน เช่น สุขภาพอนามัย สภาพความเป็นอยู่ มาตรฐานการดำรงชีวิต ความสัมพันธ์ภายในครอบครัว และชุมชน เป็นต้น
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อบรรเทาภาระค่าครองชีพของผู้สูงอายุ ซึ่งหมายถึงผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ให้มีโอกาสเข้าถึงการใช้จ่ายที่จำเป็นในการยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ทั้งยังช่วยเพิ่มการบริโภคที่จะสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบและกระตุ้นเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศ
1. เป็นผู้ที่ลงทะเบียน (โครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet) ผ่านแอปพลิเคชันทางรัฐตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2567 สำเร็จ (ปิดลงทะเบียนแล้วตั้งแต่วันที่ 15 กันยายน 2567)
2. มีสัญชาติไทย
3. มีอายุตั้งแต่ 60 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ณ วันที่ 15 กันยายน 2567 (เกิดก่อนหรือในวันที่ 16 กันยายน 2507)
4. ไม่เป็นผู้มีเงินได้พึงประเมินเกิน 840,000 บาท สำหรับปีภาษี 2566
5. ไม่เป็นผู้ที่มีเงินฝากรวมกันเกิน 500,000 บาท ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2567
6. ไม่เป็นผู้อยู่ในสถานสงเคราะห์ในสังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2567
7. ไม่เป็นผู้ต้องขัง 4 ประเภท ได้แก่ นักโทษเด็ดขาด ผู้ต้องขังระหว่าง ผู้ต้องกักขัง และผู้ต้องกักกัน ตามฐานข้อมูลของ กรมราชทัณฑ์ ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2567
8. ไม่เป็นกลุ่มเป้าหมายที่ได้รับเงินตามโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ
กระทรวงการคลังโดยกรมบัญชีกลางจะโอนเงิน 10,000 บาท ผ่านบัญชีเงินฝากที่ผูกพร้อมเพย์ที่ผูกกับเลขประจำตัว
ประชาชนเท่านั้น (ไม่มีการโอนเงินเข้าบัญชีพร้อมเพย์ที่ผูกกับหมายเลขโทรศัพท์) ซึ่งการผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขประจำตัวประชาชนสามารถผูกกับบัญชีเงินฝากของธนาคารใดก็ได้โดยไม่จำกัดว่าต้องเป็นธนาคารของรัฐ
ทั้งนี้ ขอแนะนำให้ดำเนินการผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขประจำตัวประชาชนให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 22 มกราคม 2568
เพื่อรอรับการจ่ายเงินในวันที่ 27 มกราคม 2568 รวมถึงควรตรวจสอบกับธนาคารด้วยว่าบัญชีดังกล่าวยังคงมีสถานะปกติ
พร้อมรับเงินในโครงการฯ ดังกล่าวได้หรือไม่
สามารถตรวจสอบสิทธิการได้รับเงินในโครงการฯ ผ่านแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” ได้ตั้งแต่วันที่ 22 มกราคม 2568 เป็นต้นไป
โดยกรอกบัญชีผู้ใช้หรือเลขประจำตัวประชาชน (Username) และรหัสผ่าน (Password) เพื่อ “เข้าสู่ระบบ” ให้เรียบร้อยก่อน
และกด “ตรวจสอบสถานะการลงทะเบียน” โครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet เพื่อเข้าสู่หน้าแสดงผลผู้มีสิทธิ
โครงการฯ
จ่ายเงินครั้งแรกในวันที่ 27 มกราคม 2568 และในกรณีที่จ่ายเงินให้แก่กลุ่มเป้าหมาย ไม่สำเร็จในครั้งแรก จะมีการดำเนินการจ่ายเงินซ้ำ (Retry) ให้แก่กลุ่มเป้าหมายดังกล่าวจำนวน 3 ครั้ง ได้แก่
ครั้งที่ 1 วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568
ครั้งที่ 2 วันที่ 28 มีนาคม 2568
ครั้งที่ 3 วันที่ 28 เมษายน 2568
ทั้งนี้ เมื่อพ้นกำหนดการ Retry ครั้งที่ 3 แล้ว รัฐจะยุติการจ่ายเงินให้แก่กลุ่มเป้าหมาย และถือว่ากลุ่มเป้าหมายไม่ประสงค์
รับเงินภายใต้โครงการฯ
ผู้ได้รับสิทธิในโครงการฯ สามารถตรวจสอบผลการจ่ายเงินว่าตนได้รับโอนเงิน 10,000 บาท สำเร็จหรือไม่ ผ่านแอปพลิเคชัน
“ทางรัฐ” ได้ในวันถัดจากวันที่รัฐจ่ายเงิน (แสดงผลการจ่ายเงินครั้งแรกในวันที่ 28 มกราคม 2568)
กรณีเป็นผู้มีสิทธิแล้วไม่ได้รับเงินต้องทำอย่างไร
ตรวจสอบผ่านแอปพลิเคชันทางรัฐแล้วพบว่า เป็นผู้มีสิทธิในโครงการฯ แต่ยังไม่ได้รับเงิน ให้ดำเนินการดังนี้
1. ตรวจสอบว่าได้ผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขประจำตัวประชาชนเรียบร้อยแล้วหรือไม่
2. บัญชีพร้อมเพย์ดังกล่าว มีสถานะพร้อมใช้รับเงินได้ตามปกติหรือไม่ โดยติดต่อสอบถามจากธนาคารที่มีบัญชีอยู่
และเมื่อดำเนินการแล้วให้รอรับเงินในรอบการ Retry ถัดไป
โดยจะมีการดำเนินการจ่ายเงินซ้ำ (Retry) ให้แก่กลุ่มเป้าหมายดังกล่าวจำนวน 3 ครั้ง ได้แก่ครั้งที่ 1 วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568 ครั้งที่ 2 วันที่ 28 มีนาคม 2568 และครั้งที่ 3 วันที่ 28 เมษายน 2568 ทั้งนี้ เมื่อพ้นกำหนดการ Retry ครั้งที่ 3 แล้ว รัฐจะยุติการจ่ายเงินให้แก่กลุ่มเป้าหมาย และถือว่ากลุ่มเป้าหมายไม่ประสงค์รับเงินภายใต้โครงการฯ
เงื่อนไขการใช้จ่ายเงิน
ผู้สูงอายุตามกลุ่มเป้าหมายของโครงการฯ เป็นกลุ่มที่ผ่านการคัดกรองแล้วว่ามีสถานภาพด้านรายได้และเงินฝากค่อนข้าง
จำกัด จึงถือเป็นผู้ที่ค่อนข้างมีความเปราะบางที่มีความโน้มเอียงหน่วยสุดท้ายในการบริโภค (Marginal Propensity to
Consume: MPC) สูงกว่ากลุ่มประชากรที่มีรายได้สูง ทำให้มีความเป็นไปได้สูงที่จะใช้จ่ายเงินหมดทั้งจำนวน ทั้งนี้ คาดว่า
การดำเนินโครงการฯ จะส่งผลให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (Gross Domestic Product: GDP) ขยายตัวเพิ่มขึ้น
ประมาณร้อยละ 0.07 – 0.1 ต่อปีเมื่อเทียบกับกรณีไม่มีโครงการฯ
ไม่มีสิทธิในโครงการฯ แต่ได้ลงทะเบียนโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet สำเร็จแล้ว (สถานะอยู่ในขั้นตอนที่ 3) ยังจะมีโอกาสได้รับเงิน 10,000 บาท อยู่หรือไม่
นายกรัฐมนตรีได้แถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรีต่อรัฐสภาไว้เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2567 โดยมีนโยบายที่จะดำเนินโครงการ
กระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ 3 สำหรับบุคคลทั่วไป โดยจะได้รับเงินผ่าน Digital Wallet ในปี 2568 ทั้งนี้ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและ
ใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือสำคัญเชื่อมต่อระหว่างรัฐบาลกับประชาชนมากยิ่งขึ้น จึงขอให้รอติดตามข่าวสารเพื่อรับทราบความคืบหน้า
ของโครงการดิจิทัลวอลเล็ตจากรัฐบาลต่อไป
ช่องทางการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
1. ช่องทางหลักในการตรวจสอบสิทธิและผลการได้รับเงินในโครงการฯ: แอปพลิเคชัน “ทางรัฐ”
2. เว็บเพจรวบรวมข้อมูลข่าวสารประชาสัมพันธ์ของโครงการฯ: เว็บไซต์กระทรวงการคลัง www.mof.go.th แบนเนอร์
โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านผู้สูงอายุ (https://mof.go.th/th/detail/2024-12-27-15-36-42/2024-12-27-15-42-50)
3. Call Center สำหรับสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม: ศูนย์บริการข้อมูลภาครัฐเพื่อประชาชน สายด่วน 1111